วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความระงับสัญญาค้ำประกันม.๖๙๘-๗๐๑



หมวด ๔
ความระงับสิ้นไปแห่งการค้ำประกัน

          มาตรา ๖๙๘  อันผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในขณะเมื่อ[1]หนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไปไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ
          มาตรา ๖๙๙  การค้ำประกัน[2]เพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวไม่มีจำกัดเวลาเป็นคุณแก่เจ้าหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันอาจเลิกเสียเพื่อคราวอันเป็นอนาคตได้ โดยบอกกล่าวความประสงค์นั้นแก่เจ้าหนี้
          ในกรณีเช่นนี้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดในกิจการที่ลูกหนี้กระทำลงภายหลังคำบอกกล่าวนั้นได้ไปถึงเจ้าหนี้
          มาตรา ๗๐๐  ถ้าค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ [3]เวลามีกำหนดแน่นอนและ[4]เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ไซร้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด
          แต่ถ้าผู้ค้ำประกัน[5]ได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลา ท่านว่าผู้ค้ำประกันหาหลุดพ้นจากความรับผิดไม่
          มาตรา ๗๐๑  ผู้ค้ำประกันจะขอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตั้งแต่เมื่อถึงกำหนดชำระก็ได้
          ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันก็เป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด


[1] หนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไป ๕ ประการ ๑.การชำระหนี้ ๒.ปลดหนี้ ๓.หักกลบลบหนี้ ๔.แปลงหนี้ใหม่ ๕.หนี้เกลื่อนกลืนกัน
[2] ข้อสำคัญ หนี้ที่ค้ำประกันนั้นจะต้องมีลักษณะเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราว และต้องเป็นกรณีที่กิจการนั้นไม่มีเวลาจำกัด
[3] หมายถึง  หนี้ที่ได้มีการกำหนดเวลาไว้แน่นอนว่าจะชำระหนี้เมื่อใด
[4] หมายถึงมีการตกลงกันแน่นอนและมีผลว่าในระหว่างผ่อนเวลานั้น เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องหรือฟ้องร้องไม่ได้ กรณีไม่ใช่การผ่อนเวลา   กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดแล้วเจ้าหนี้มิได้เรียกร้องหรือฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ทันที่ (เป็นเรื่องลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเอง และเจ้าหนี้อาจใช้สิทธิเรียกร้องเมื่อใดก็ได้) ,  การที่ลูกหนี้ขอผลัดชำระหนี้หรือทำหนังสือรับสภาพหนี้ โดยเจ้าหนี้มิได้ตกลงยินยอมด้วย  , 
[5] การตกลงผู้ค้ำจะตกลงกับเจ้าหนี้ล่วงหน้าตั้งแต่ขณะทำสัญญาค้ำประกันหรือตกลงกันเมื่อถึงกำหนดเวลาชำระแล้วก็ได้

ผลภายหลังชำระหนี้๖๙๓-๖๙๗



หมวด ๓
ผลภายหลังชำระหนี้

          มาตรา ๖๙๓  ผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกันนั้น
          อนึ่งผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย
          มาตรา ๖๙๔  นอกจาก[1]ข้อต่อสู้ซึ่งผู้ค้ำประกันมีต่อเจ้าหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันยังอาจยก[2]ข้อต่อสู้ทั้งหลายซึ่งลูกหนี้มีต่อเจ้าหนี้ขึ้นต่อสู้ได้ด้วย
          มาตรา ๖๙๕  ผู้ค้ำประกันซึ่ง[3]ละเลยไม่ยกข้อต่อสู้ของลูกหนี้ขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้นั้น ท่านว่าย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่[4]ลูกหนี้เพียงเท่าที่ไม่ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้รู้ว่ามีข้อต่อสู้เช่นนั้น และที่ไม่รู้นั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของตนด้วย
          มาตรา ๖๙๖  ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้ได้ ถ้าว่าตนได้ชำระหนี้แทนไปโดยมิได้บอกลูกหนี้ และลูกหนี้ยังมิรู้ความมาชำระหนี้ซ้ำอีก
          ในกรณีเช่นว่านี้ ผู้ค้ำประกันก็ได้แต่เพียงจะฟ้องเจ้าหนี้เพื่อคืนลาภมิควรได้เท่านั้น
          มาตรา ๖๙๗  ถ้าเพราะการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้เองเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในสิทธิก็ดีจำนองก็ดี จำนำก็ดี และบุริมสิทธิอันได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้แต่ก่อนหรือในขณะทำสัญญาค้ำประกันเพื่อชำระหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น


[1] ข้อต่อสู้ผู้ค้ำ  เช่น ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ,สัญญาค้ำประกันไม่ได้ติดอากรแสตมป์ , ขาดอายุความ ,ผู้ค้ำได้บอกเลิกการค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราว ,เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้ลูกหนี้  (ทั้งนี้ต้องไม่มีข้อตกลงในสัญญายกเว้นไว้)
[2] ข้อต่อสู้ของลูกหนี้ที่สำคัญ เช่น ขาดอายุความ หนี้ได้ระงับไปแล้ว(ปลดหนี้ หักกลบลบหนี้ แปลงหนี้)
[3] ละเลย หมายถึง รู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อต่อสู้ของลูกหนี้ แต่ไม่ยกขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ และข้อต่อสู้ที่ละเลยยกขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้นั้น ต้องเป็นข้อต่อสู้ของลูกหนี้  ดังนั้นหากเป็นข้อต่อสู้ของผู้ค้ำ แต่ไม่ยกก็ไม่เข้ามาตรานี้ ผลคือ เรียกได้
[4] มาตรานี้เป็นสิทธิเฉพาะลูกหนี้ที่จะยกขึ้นอ้าง หากเป็นบุคคลอื่นไม่มีสิทธิ เช่น ผู้ค้ำประกันของผู้ค้ำต่อเจ้าหนี้

ผลก่อนการชำระหนี้๖๘๖-๖๙๒



หมวด ๒
ผลก่อนชำระหนี้

          มาตรา ๖๘๖  ลูกหนี้[1]ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น
          มาตรา ๖๘๗  ผู้ค้ำประกันไม่จำต้องชำหนี้ก่อนถึงเวลากำหนดที่จะชำระแม้ถึงว่าลูกหนี้จะไม่อาจถือ[2]เอาซึ่งประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสุดสิ้นได้ต่อไปแล้ว
          มาตรา ๖๘๘  เมื่อเจ้าหนี้ทวงให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้  ผู้ค้ำประกันจะ[3]ขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อนก็ได้ เว้นแต่ลูกหนี้จะถูกศาลพิพากษาให้เป็นคนล้มละลายเสียแล้ว หรือไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ไปอยู่แห่งใดในพระราชอาณาเขต
          มาตรา ๖๘๙  ถึงแม้จะได้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ดังกล่าวมาในมาตราก่อนนั้นแล้วก็ตาม ถ้าผู้ค้ำประกันพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้นั้นมีทางที่จะชำระหนี้ได้ และการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยากไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องบังคับการชำระหนี้รายนั้นเอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน
          มาตรา ๖๙๐  ถ้าเจ้าหนี้มี[4]ทรัพย์ของลูกหนี้ [5]ยึดถือไว้เป็นประกันไซร้ เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน
          มาตรา ๖๙๑  ถ้าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมกันกับลูกหนี้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อม[6]ไม่มีสิทธิดังกล่าวไว้ในมาตรา ๖๘๘,๖๘๙ และ ๖๙๐
          มาตรา ๖๙๒  [7]อายุความสะดุดหยุดลงเป็นโทษแก่ลูกหนี้นั้น ย่อมเป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันด้วย


[1] การผิดนัดพิจารณาจากมาตรา ๒๐๓, ๒๐๔, ๒๐๖ โดยมิต้องมีการฟ้องคดีต่อตัวลูกหนี้ก่อน
[2] ตามม.๑๙๓ ลูกหนี้จะถือเอาประโยชน์จากเงื่อนเวลาไม่ได้ ๑.ถูกศาลพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ๒.ลูกหนี้ไม่ให้ประกันเมื่อจำต้องให้ ๓.ถ้าลูกหนี้ได้ทำลายหรือทำให้ลดน้อยลงซึ่งหลักประกัน ๔.ลูกหนี้นำทรัพย์สินของบุคคลอื่นมาให้ประกัน โดยเจ้าของทรัพย์มิได้ยินยอมด้วย
[3] กรณีสัญญาค้ำประกันมีข้อตกลงพิเศษว่าลูกหนี้ผิดนัดผู้ค้ำยอมให้ฟ้องผู้ค้ำประกันได้โดยไม่ต้องฟ้องลูกหนี้ก่อนได้ ไม่ข้อต่อความสงบฯ,มาตรา ๖๘๘,๖๘๙ ไม่นำไปมช้กับสัญญาค้ำประกันการทุเลาการบังคับคดีต่อศาล เพราะไม่ใช่สัญญาค้ำประกันตามลักษณะนี้
[4] หากเป็นทรัพย์ของบุคคลอื่น ผู้ค้ำจะใช้สิทธิตามมาตรานี้ไม่ได้ เช่น นายก.กู้เงิน นายข.ค้ำ นายค.จำนอง นายข.จะเกี่ยงให้บังคับกับจำนองก่อนไม่ได้
[5] ยึดถือไว้เป็นประกัน  หมายถึง การยึดถือครอบครองดังเช่นกรณีจำนำและรวมถึงกรณีลูกหนี้เอาที่ดินมาจำนองด้วย
[6] หลักผู้ค้ำประกันยอมรับผิดร่วมกับลูกหนี้ ไม่ใช่กรณีที่ผู้ค้ำประกันไปผูกพันเป็นลูกหนี้ร่วม แต่ร่วมรับผิดในความหมายที่จะยกสิทธิตามม.๒๘๘,๒๘๙ ,๒๙๐ ขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ไม่ได้เท่านั้น
[7] อายุความสดุดหยุดลง มี ๕ กรณี ม.๑๙๓/๓๙ ๑.ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้โดยทำเป็นหนังสือ  ชำระหนี้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย ให้ประกันหรือกระทำการใด ๆ อันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับ สภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง ๒.เจ้าหนี้ฟ้องคดี ๓.เจ้าหนี้ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ๔.เจ้าหนี้ได้มอบหมายให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา ๕.กระทำอย่างอื่นอันมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดี ผลอายุความสดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่,แม้จะมีข้อตกลงรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมก็ตาม ก็ไม่มีผลลบล้างม.๖๙๒นี้

ม.๖๘๒-๖๘๕



มาตรา ๖๘๒  ท่านว่าบุคคลจะยอมเข้าเป็น[1]ผู้รับเรือน คือเป็นประกันของผู้ค้ำประกันอีกชั้นหนึ่ง ก็เป็นได้
          ถ้าบุคคลหลายคนยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกันไซร้ท่านว่าผู้ค้ำประกันเหล่านั้นมีความ[2]รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน แม้ถึงว่ามิได้เข้ารับค้ำประกันรวมกัน
          มาตรา ๖๘๓  อันค้ำประกันอย่างไม่มีจำกัดนั้นย่อมคุ้มถึงดอกเบี้ยและ[3]ค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจน[4]ค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นด้วย
          มาตรา ๖๘๔  ผู้ค้ำประกันย่อมรับผิดเพื่อ[5]ค่าฤชาธรรมเนียมความซึ่งลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่เจ้าหนี้ แต่ถ้าโจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้เรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้นก่อนไซร้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันหาต้องรับผิดเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเช่นนั้นไม่
          มาตรา ๖๘๕  ถ้าเมื่อบังคับตามสัญญาค้ำประกันนั้น ผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้ทั้งหมดของลูกหนี้ รวมทั้งดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน และอุปกรณ์ด้วยไซร้ หนี้ยังเหลืออยู่เท่าใด ท่านว่าลูกหนี้ยังคงรับผิดต่อเจ้าหนี้[6]ในส่วนที่เหลือนั้น


[1] ผู้รับเรือน ก็คือผู้ค้ำประกันของผู้ค้ำประกันอีกชั้นหนึ่ง กล่าวคือเป็นเรื่องบุคคลภายนอกอีกคนหนึ่งเข้ามาผูกพันตนต่อเจ้าหนี้ว่าจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เมื่อผู้ค้ำประกันไม่ชำระ
[2] ต้องเป็นการประกันหนี้รายเดียวกัน โดยจะเข้าค้ำประกันพร้อมกันหรือเวลาเดียวกันไม่ใช่สาระสำคัญ  ลคือ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ผู้ค้ำประกันร่วมคนใดคนหนึ่งชำระหนี้โดยสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่จะเลือก และทุกคนต้องผูกพันอยู่จนกว่าหนี้จะได้รับการชำระหนี้โดยสิ้นเชิง ซึ่งหากมีการชำระหนี้หรือปลดหนี้ย่อมเป็นประโยชน์แก่ผู้ค้ำทุกคน
[3] ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจากการไม่ชำระหนี้ ที่กฎหมายบัญญัติไว้ในบรรพ๒ ปพพ.
[4] ค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้ หมายถึง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกับหนี้ประธานที่ลูกหนี้ค้างชำระ (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการทวงถามหนี้ ไม่ใช่ผลเกิดขึ้นโดยตรงจากการผิดสัญญาและมิใช่ค่าเสียหายพิเศษลูกหนี้และผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิด
[5] ค่าธรรมเนียมเฉพาะที่ลูกหนี้ต้องใช้  หากเป็นค่าธรรมเนียมที่ศาลสั่งให้ผู้ค้ำประกันใช้แก่เจ้าหนี้เมื่อผู้ค้ำประกันแพ้คดี  ผู้ค้ำประกันจะอ้างว่าไม่ต้องรับผิดไม่ได้
[6] ในส่วนเหลือ  ก็คือหนี้ที่เหลืออยู่และจะต้องเป็นหนี้ที่สามารถฟ้องบังคับให้ชำระหนี้ได้ ไม่ใช่หนี้ที่ขาดอายุความ