หมวด ๔
ความระงับสิ้นไปแห่งการค้ำประกัน
มาตรา ๖๙๘ อันผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในขณะเมื่อ[1]หนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไปไม่ว่าเพราะเหตุใด
ๆ
มาตรา ๖๙๙ การค้ำประกัน[2]เพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวไม่มีจำกัดเวลาเป็นคุณแก่เจ้าหนี้นั้น
ท่านว่าผู้ค้ำประกันอาจเลิกเสียเพื่อคราวอันเป็นอนาคตได้
โดยบอกกล่าวความประสงค์นั้นแก่เจ้าหนี้
ในกรณีเช่นนี้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดในกิจการที่ลูกหนี้กระทำลงภายหลังคำบอกกล่าวนั้นได้ไปถึงเจ้าหนี้
มาตรา ๗๐๐ ถ้าค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ
[3]เวลามีกำหนดแน่นอนและ[4]เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ไซร้
ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด
แต่ถ้าผู้ค้ำประกัน[5]ได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลา
ท่านว่าผู้ค้ำประกันหาหลุดพ้นจากความรับผิดไม่
มาตรา ๗๐๑ ผู้ค้ำประกันจะขอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตั้งแต่เมื่อถึงกำหนดชำระก็ได้
ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้
ผู้ค้ำประกันก็เป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด
[1]
หนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไป ๕ ประการ ๑.การชำระหนี้ ๒.ปลดหนี้
๓.หักกลบลบหนี้ ๔.แปลงหนี้ใหม่ ๕.หนี้เกลื่อนกลืนกัน
[2]
ข้อสำคัญ
หนี้ที่ค้ำประกันนั้นจะต้องมีลักษณะเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราว
และต้องเป็นกรณีที่กิจการนั้นไม่มีเวลาจำกัด
[3]
หมายถึง
หนี้ที่ได้มีการกำหนดเวลาไว้แน่นอนว่าจะชำระหนี้เมื่อใด
[4]
หมายถึงมีการตกลงกันแน่นอนและมีผลว่าในระหว่างผ่อนเวลานั้น
เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องหรือฟ้องร้องไม่ได้ กรณีไม่ใช่การผ่อนเวลา กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดแล้วเจ้าหนี้มิได้เรียกร้องหรือฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ทันที่
(เป็นเรื่องลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเอง
และเจ้าหนี้อาจใช้สิทธิเรียกร้องเมื่อใดก็ได้) ,
การที่ลูกหนี้ขอผลัดชำระหนี้หรือทำหนังสือรับสภาพหนี้
โดยเจ้าหนี้มิได้ตกลงยินยอมด้วย ,
[5]
การตกลงผู้ค้ำจะตกลงกับเจ้าหนี้ล่วงหน้าตั้งแต่ขณะทำสัญญาค้ำประกันหรือตกลงกันเมื่อถึงกำหนดเวลาชำระแล้วก็ได้